วงการกอล์ฟระดับอาชีพจากสหรัฐอเมริกา ไม่เคยขาดผู้เล่นฝีมือดีเพราะผลัดกันขึ้นมาหยิบจับความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ทว่าคนที่โดดเด่นที่สุดเวลานี้คือ บรูคส์ โคปก้า สวิงหนุ่มจากฟลอริด้า ที่สร้างโปรไฟล์ไว้อย่างน่าดูชม โดยเฉพาะการคว้าแชมป์เมเจอร์ พีจีเอ แชมเปียนชิป สมัยล่าสุด ก่อนผงาดขึ้นครองตำแหน่งมือ 1 โลก และถูกจับตาว่าจะเป็นผู้สร้างยุคสมัยของตนเองให้เป็นที่จดจำตามรอยรุ่นพี่อย่าง ไทเกอร์ วูดส์
การแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์ลำดับ 2 ของปี ณ เบิร์ธเพจ สเตต พาร์ค แบล็ค คอร์ส ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จบลงแบบลุ้นระทึกเล็กน้อยเมื่อ โคปก้า ที่นำมาตลอดดันตีเสีย 4 โอเวอร์พาร์ ปลุกความหวังให้ ดัสติน จอห์นสัน คู่แข่งมือดีที่ไล่ตามอยู่มีโอกาสแซง แต่สุดท้ายบุญเก่าทำมาดีจึงส่งให้ โคปก้า ได้ครอบครองถ้วย พีจีเอ แชมเปียนชิป ด้วยสกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ พร้อมเงินกลับบ้าน 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 60 ล้านบาท)
นั่นทำให้ โคปก้า วัย 29 ปี เป็นสวิงคนที่ 5 ที่ป้องกันแชมป์ถ้วยนี้ต่อจาก ฮัล ซัตตอน, เรย์ ฟลอยด์, แจ๊ค นิคคลอส และ บ็อบบี นิโคลส์ ซึ่งหากรวมทุกรายการก็ได้เมเจอร์มา 4 ใบแล้ว ถือว่าน่าทึ่งสำหรับผู้เล่นที่ได้แชมป์เมเจอร์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา และเคยเกือบได้อีกถ้วยกับรายการ เดอะ มาสเตอร์ส เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก่อนจบที่ตำแหน่งรองแชมป์เพราะหยุดความความร้อนแรงของ “พญาเสือ” ไทเกอร์ วูดส์ ที่คัมแบ็คอย่างยิ่งใหญ่เอาไว้ไม่อยู่
นักกอล์ฟชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่มักสร้างสมประสบการณ์จากเวทีในบ้านตัวเอง แต่รายของ โคปก้า กลับต่างไป เจ้าตัวหัดเล่นกอล์ฟตั้งแต่ 10 ขวบหลังได้รับความกระทบกระเทือนที่จมูกจากอุบัติเหตุรถชนในวัยเด็ก จึงทำให้ไม่สามารถเล่นกีฬาที่มีการเข้าปะทะรุนแรงอย่าง อเมริกันฟุตบอล หรือมวยสากลได้อย่างที่คาดหวัง แต่การเบนเข็มมาตีกอล์ฟก็เป็นเรื่องดีเพราะนั่นทำให้เจ้าตัวค้นพบว่าชอบที่จะทำอะไร และได้แชมป์แรกระดับสมัครเล่นประดับกายที่บ้านเกิดตอนอายุ 13 ปี
อย่างไรก็ตาม หลังไม่ผ่านการทดสอบทัวร์นาเมนต์ควอลิฟายของ พีจีเอ สคูล ทำให้ โคปก้า ต้องเปลี่ยนแผนออกไปหาประสบการณ์กับเวทีระดับ ยูโรเปียน ทัวร์ ตั้งแต่ปี 2012 และทำได้โดดเด่นเมื่อคว้าแชมป์ ยูโรเปียน ชาลเลนจ์ ทัวร์ ได้ถึง 4 รายการ ก่อนเทิร์นโปรเต็มตัวและแจ้งเกิดด้วยถ้วยแชมป์ เตอร์กิช แอร์ไลน์ส โอเพน ที่ตุรกีเมื่อปี 2014 จากการเฉือนชนะ เอียน โพลเตอร์ จอมเก๋าจากอังกฤษไปแบบหวิว 1 สโตรก
“ผมคิดว่าการแข่งขันที่ยุโรปช่วยให้ผมเติบโตได้ดีขึ้น ผมสร้างความมั่นใจได้จากรายการเหล่านั้น แม้จะรู้ดีว่าทุกเส้นทางที่ออกไปนั้นไม่ง่าย แต่มันก็เป็นความทรงจำที่ดี ได้ออกเดินทางทุกสัปดาห์ ศึกษาความแตกต่างของสนามแต่ละที่ ผมชอบแบบนั้น แต่ละสัปดาห์เราต้องสู้กับผู้เล่น 30-40 คน แต่บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะเสมอ มันเป็นสิ่งที่แตกต่างหากเทียบกับลงแข่งที่สหรัฐอเมริกา” โปรวัย 29 ปี ระลึกถึงความหลัง
เมื่อได้ทัวร์การ์ดของ พีจีเอ ในปี 2015 สวิงจากฟลอริด้า ก็ออกลุยทันที ประเดิมถ้วยแรกคือ เวสต์ แมเนจเมนต์ ฟีนิกซ์ โอเพน ก่อนที่ปี 2017 จะเฉิดฉายอย่างแรงกล้าด้วยแชมป์เมเจอร์ใบแรกในชีวิตกับรายการ ยูเอส โอเพน ครั้นเมื่อกลับมาลงแข่งในปี 2018 โคปก้า ก็ยังป้องกันแชมป์ไว้ได้ ก่อนบวกอีก 1 รายการคือ พีจีเอ แชมเปียนชิป ซึ่งก็กลับมาป้องกันแชมป์ได้อีกในหนล่าสุด และทำให้สถานะปัจจุบันของเจ้าตัวคือนักกอล์ฟมือ 1 โลกอย่างเป็นทางการ